Delcious Icecream

วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

Wes Anderson x H&M = Come Together ภาพยนตร์สั้นรับคริสต์มาสสุดเพอร์เฟ็กต

Wes Anderson (เวส แอนเดอร์สัน) ผู้กำกับฝีมือดีที่มีสไตล์เป็นของตัวเองชัดเจนคนนี้ฝากฝีมือไว้กับภาพยนตร์สีหวาน เนื้อเรื่องจิกกัดประชดประชันทั้ง The Darjeeling Limited (2007), Fantastic Mr. Fox (2009), Moonrise Kingdom (2012) และ The Grand Budapest Hotel (2014) และเขาก็เคยกำกับภาพยนตร์สั้นเรื่อง Candy ให้กับ Prada มาแล้ว ทาง H&M จึงไม่รอช้าที่จะดึงตัวเขาเข้ามาร่วมงานโดยหวังว่าจะจารึกประวัติศาสตร์ของแบรนด์ผ่านภาพยนตร์สั้นสุดแหวกสไตล์แอนเดอร์สัน
ภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้มีความยาว(สั้น)เพียง 3.52 นาที นำแสดงโดย Adrien Brody (เอเดรียน โบรดี้) ที่เคยร่วมงานกับแอนเดอร์สันมาแล้วในภาพยนตร์สุดเพี้ยนเรื่อง The Darjeeling Limited จึงไม่น่าแปลกใจที่แฟนๆ ของแอนเดอร์สันจะรู้สึกราวกับว่าได้เห็นปีเตอร์ (ตัวละครที่โบรดี้แสดง) กลับมาโลดแล่นสั้นๆ ในช่วงคริสต์มาสอีกครั้งหนึ่งบนรถไฟด่วนสาย H&M Lines WinterExpress
เอกลักษณ์สำคัญของแอนเดอร์สันคืองานด้านภาพที่ถ่ายภาพแบบสมมาตร งานสีสันที่มีพาเลตต์ชัดเจน งานออกแบบฉากและตัวละครอันเป็นเอกลักษณ์ ตัวละครบุคลิกแปลกถูกถ่ายทอดผ่านบทพูดและการแสดงออกสไตล์แอนเดอร์สัน เพลงประกอบและสกอร์จังหวะกลมกล่อมเข้ากับโทนของภาพยนตร์ที่ถูกสอดแทรกเข้ามาพอดิบพอดี ซึ่งเอกลักษณ์ดังกล่าวก็ยังปรากฏในภาพยนตร์สั้นๆ เรื่องนี้ได้แบบไม่ต้องบอกชื่อผู้กำกับ แฟนๆ ก็พร้อมรับรู้ได้ทันทีว่าใครอยู่เบื้องหลังภาพยนตร์เรื่องนี้




ถ้าถามความเห็นเรา ว่าเราชอบภาพยนตร์สั้นเรื่องนี้ไหม ในฐานะคนที่แอบชื่นชมสไตล์ และรสนิยมต่างๆ ของแอนเดอร์สันมานาน (แม้จะไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้แบบอวยทุกเรื่องของเขา) เราแอบบอกเลยว่า เรารักความเป็นแอนเดอร์สันตรงที่เขาไม่ได้ ‘ขายตรง’ สินค้าที่เป็นโจทย์ แต่สามารถเอาอารมณ์ ความรู้สึก (รวมไปถึงสินค้าจริงๆ) เข้ามาผสมผสานในงานของเขาได้อย่างกลมกล่อมลงตัวแบบไม่น่าเชื่อ … เอาเป็นว่า ถ้าเราไม่ได้รู้มาก่อนว่านี่คือโฆษณา H&M นี่เราคงจะไม่รู้เลยว่าเขากำลัง ‘ขาย’ อะไรอยู่
แต่ในความไม่ขายตรงของเขานี่ล่ะ ทำให้เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่องนี้กลับโดดเด่นขึ้นมาหลายเท่า ทุกคนนั่งดูภาพยนตร์จนจบ (บางคนกดดูซ้ำหลายรอบ เพราะชื่นชอบสไตล์และความสนุกของภาพยนตร์) และ H&M ก็ขายเสื้อผ้าที่ตัวประกอบทุกคนใส่ได้ไปหลายชุด ทำให้เรารู้สึกได้เลยว่าบางที ศิลปะและการขายของนั้น ถ้าคนทำมีรสนิยมจริงๆ ก็สามารถเอามาผสมให้เข้ากันได้แบบแนบเนียน และไม่ยัดเยียดได้จริงๆ
ที่มา:http://loptimumthailand.com/2016/11/wes-anderson-x-hm-come-together-%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4/

“The Wes Anderson collection” หนังสือภาพน่ารักๆที่อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวและบทวิเคราะห์


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่รักการดูหนังเป็นชีวิตจิตใจ ชื่อ “Wes Anderson” คงเป็นชื่อที่คอหนังต้องคุ้นหูกันดีแน่ๆ เขาเป็นผู้กำกับที่มากไปด้วยเอกลักษณ์การทำหนังที่ไม่เหมือนใคร (และคงไม่มีใครเหมือนได้ด้วยล่ะมั้ง) ทั้งรูปแบบการเล่าเรื่อง ภาษาที่ใช้ในบท ตัวละครของเรื่อง มุมกล้องการถ่ายทำ สีที่ในฉากและเครื่องแต่งกายแต่ละชุด เพลงประกอบของหนังแต่ละเรื่อง ส่วนประกอบต่างๆที่พูดมานี่ถ้าเป็นหนังของเขาเห็นแค่แว่บเดียวก็บอกได้เลยว่านี่มันคือหนังของ Wes Andersonชัวร์!

เพื่อเป็นการส่งท้ายปี 2013 นี้ เรามีของขวัญน่ารักๆที่ใครเห็นหรือได้รับคงถูกใจแน่นอน (ผมคนหนึ่งล่ะที่อยากได้หนังสือเล่มนี้มาก) กับหนังสือ “The Wes Anderson Collection” ผลงานของนักเขียนนักวิจารณ์หนังดีกรีรางวัล Pulitzer Prize ผู้มีนามว่า “Matt Zoller Seitz” (Pulitzer Prize คือรางวัลที่แจกกันในประเทศอเมริกา มอบให้กับคนทำงานสายงานเขียนทั้งหลาย ทั้งข่าว Journalism งานวรรณกรรม รวมไปถึงงานแต่งเพลงด้วย) Matt กล่าวว่า กว่าจะออกมาเป็นหนังสือเล่มใหญ่เล่มนี้ได้เขาใช้เวลาทำอยู่ 20 ปี! ซึ่ง 20 ปีที่ว่านี่คงต้องย้อนกันไปตั้งแต่สมัยที่ Wes Anderson เพิ่งเริ่มทำหนังสั้นเรื่องแรกคือ “Bottle Rocket” (ฉบับหนังสั้นปี 1994 ที่ภายหลัง Wesนำมาดัดแปลงกลายมาเป็นหนังใหญ่เรื่องแรกเรื่องแจ้งเกิดของเขาฉายปี 1996) Matt เล่าว่าเขาได้พบและพูดคุยกันกับ Wes หลังจากที่หนังสั้น Bottle Rocket ได้ไปฉายที่เทศกาลหนัง Sundance จากนั้นมาก็กลายเป็นเพื่อนกันและติดตามผลงานกันมาตลอด หลังจากที่เก็บข้อมูลมาพักใหญ่ๆ เมื่อสามปีที่แล้วทั้งคู่เลยตัดสินใจตกลงกันว่าจะทำหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาแบบจริงจัง
ภายในหนังสือเล่มหนาขนาด 336 หน้านี้อัดแน่นไปด้วยเรื่องราวของผู้กำกับสไตล์จัดคนนี้แบบ Exclusive และละเอียดสุดๆ จนอาจจะเรียกได้ว่าเป็นคัมภีร์หรือสารานุกรมของ Wes Anderson ขนาดย่อมๆเลยก็ว่าได้ (ขนาดนี้คงไม่ย่อมแล้วละมั้ง) พูดถึงผลงานแต่ละเรื่องไล่มาตั้งแต่ “Bottle Rocket (1996)” หนังแจ้งเกิดของ Wes ที่พูดถึงเรื่องชีวิตวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งคิดทำการใหญ่กว่าตัวพวกเขา “Rushmore (1998)” เรื่องราวของเด็กเรียนสายทำกิจกรรมสุดๆแห่งโรงเรียน Rushmore “The Royal Tenenbaums (2001)” หนังเกี่ยวกับครอบครัวบ้านแตกที่มีดาราระดับดังๆมาร่วมแสดงมากมาย “The Life Aquatic with Steve Zissou (2004)” เรื่องราวสนุกๆของกัปตันเรือดำน้ำผู้มีนามว่า Steve Zissou “The Darjeeling Limited (2007)” การเดินทางของสามพี่น้องชายล้วนไปกับรถไฟสาย Darjeeling Lmt. ในอินเดีย “Fantastic Mr.Fox (2009)” ชีวิตของคุณหมาจิ้งจอกหนัง Animation เรื่องเดียวของเขาที่ใช้เทคนิค Stop Motion อย่างละเอียดยิบ และสุดท้ายกับ “Moonrise Kingdom (2012)” หนังเรื่องล่าสุด (ที่ฉายไปแล้ว) พูดถึงการผจญภัยและความรักของเด็กๆแก๊งค์ชาวค่ายลูกเสือที่มีเอกลักษณ์การถ่ายทำที่ไม่มีใครเหมือน ได้ใจของคนดูหนังทั้งเด็กและผู้ใหญ่ไปตามๆกัน จากผลงานทั้ง 7 เรื่องที่กล่าวมา ในหนังสือเล่มนี้คุณจะได้พบกับข้อมูลชนิดเจาะลึกทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังการถ่ายทำของแต่ละเรื่องอย่างละเอียด รวมไปถึงบทสัมภาษณ์ของผู้กำกับ บทวิเคราะห์ความหมายและสัญญะต่างๆที่ใช้ในหนัง  ภาพบรรยากาศกองถ่ายทำที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน (นี่ล่ะอยากรู้เหลือเกินว่าเขาวางกองถ่ายยังไง เรื่อง Moonrise Kingdom ถึงถ่ายออกมาได้แปลกขนาดนั้น) ภาพผลงาน Artwork จากแฟนคลับของหนังเรื่องต่างๆ และอีกมากมาย ถูกนำมารวมไว้และเล่าเรื่องด้วยภาพการ์ตูนน่ารักๆ มีการให้สีสันสวยงามตามแบบฉบับของหนัง Wes Anderson ไม่มีผิด
ราคาที่ตั้งไว้ของหนังสือเล่มนี้ตกอยู่ที่ $40  และถ้าซื้อในช่วงวันหยุดนี้ลดลงมา 39% เลยด้วย (ถ้าเป็นเงินไทยก็ประมาณจาก 1,250 บาทลงมาเหลือประมาณ 750 บาท คุ้มมากๆ!) สามารถสั่งซื้อได้จากเวป Amazon ได้เลย (ดู Trailer น่ารักๆที่แนบมาด้วยด้านบนประกอบการตัดสินใจได้เลย) สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของผู้กำกับผลงานลายเซ็นชัดๆคนนี้แล้วล่ะก็ ถึงตรงนี้คงไม่ต้องบอกแล้วล่ะว่าหนังสือเล่มนี้เหมาะกับคุณขนาดไหน หรือถ้าใครมีคนรักคนรู้ใจ แล้วไปแอบรู้มาว่าเขาชอบหนังของ Wes Anderson อยู่ การซื้อหนังสือเล่มนี้ให้เป็นของขวัญต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสต์ปีใหม่ปีนี้ รับรองว่าคนได้รักตายเลย (อันนี้เอาจากตัวเองเป็นที่ตั้ง) ถือเป็นของที่คนรักหนังดูได้ นักทำภาพประกอบ Illustrator ทั้งหลายก็ดูดี กับผลงานของ Matt Zoller Seitz  “The Wes Anderson Collection” หนังสือภาพสวยๆที่พูดถึงผู้กำกับทำหนังสวยเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครแห่งยุคนี้ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อจริงๆ
ที่มา:http://www.dooddot.com/the-wes-anderson-collection/







ก่อนที่จะมาเป็น WES ANDERSON ผู้กำกับระดับโลก

 

ก่อนที่เขาจะได้มาทำภาพยนตร์ลงจอใหญ่และเป็นผู้กำกับขวัญใจนักดูหนังที่ชอบอะไรที่แตกต่างไปจากหนังสูตรสำเร็จทั่วไป
เขาเติบโตมาจากครอบครัวที่แยกทางกันแต่เขายังเด็ก ซึ่งเขาเคยได้ให้สัมภาษณ์ถึงช่วงเวลานั้นว่า "เป็นเหตุการณ์สำคัญที่ทำให้เขา และพี่น้องของเขาเติบโตขึ้นมาก" ถ้าใครที่เป็นแฟนตัวจริงของ Wes Anderson จะสังเกตุได้ว่าในเกือบทุกเรื่องของ Wes นั้นมีความเป็นครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์แบบแทรกอยู่ ไม่ว่าจะกับตัวละคนหลักหรือตัวละครรอง อาจเป็นได้ว่า Wes ได้รับอิทธิพลจากช่วงชีวิตในวัยเด็กของเขามาเขียนเป็นบทภาพยนตร์เหล่านี้ก็เป็นได้ (เช่น Moonrise Kingdom ตัวละครเอกที่เป็นเด็กลูกเสือนั้นไม่มีพ่อ,ที่ Bruce Willis เล่นก็มีเรื่องหย่าร้าง, The Royal Tenenbaums พ่อแม่เลิกกัน+พ่อรักลูกไม่เท่ากัน, The Darjeeling Limited พ่อของตัวละครหลักทั้งสามเสียชีวิต เป็นต้น - หดหู่นะ) 
        ในช่วงกำลังโตเขาได้เริ่มเขียนบทละครเวทีและเริ่มถ่ายทำหนังจากกล้อง Super 8 แต่จุดที่ทำให้เขาได้เริ่มต้นทำหนังอย่างจริงจังก็ คือสมัยที่เขาเรียนเอกปรัชญาที่มหาวิทยาลัยเท็กซัส เขาได้พบกับ Owen Wilson (ดาราตลกชื่อดัง ผลงานยุคแรกๆ คือ Anaconda (1997), Amargeddon (1998) และ Shanghai Noon (2000)) และการพบกันกับ Owen นี่เองที่ทำให้ Wes Anderson ได้ทำหนังสั้นเรื่องแรกอย่าง “Bottle Rocket (1994)” ที่เขาร่วมเขียนบทกับ Owen แต่ฉายเดี่ยวกำกับเองโดยมี Owen และ Luke พี่ชายของ Owen ร่วมแสดงนำ โดย Bottle Rocket นั้นเป็นเรื่องราวชวนหัวของสามเพื่อนซี้ที่พยายามทำสิ่ง ผิดกฏหมายต่างๆทั้งเล็กน้อย รวมไปถึงอาชญากรรมใหญ่โต แต่ทั้งนี้ฉบับหนังสั้นนั้นเล่าแค่สิ่งผิดกฏหมายแบบขั้นเล็กน้อย เช่น การลักโขมยของจากรถยนต์ที่จอดไว้ เป็นต้น 
พวกเขาได้ส่งหนังสั้นเรื่องนี้ไปร่วมฉายในเทศกาลภาพยนตร์ Sundance ซึ่งได้ผลตอบรับค่อนข้างดี พวกเขาได้รับเงินบริจาคเพื่อมาต่อ ยอดทำ Bottle Rocket จากหนังสั้นความยาว 13 นาทีให้กลายมาเป็นภาพยนตร์ความยาว 91 นาที และนี้คือโฉมหน้าของ Bottle Rocket (1996) เวอร์ชั่นภาพยนตร์ ภาพยนตร์ในวงการเรื่องแรกของทั้ง Wes Anderson (เขียนบท/กำกับ) และ Owen Wilson (เขียนบท/แสดงนำ)
        แม้จะไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องของรายได้ (ต้นทุน 5 ล้านเหรียญ ทำรายได้ไปเพียง 1 ล้านเหรียญ) แต่นั่นก็ทำให้ทั้งคู่เกิดฐาน แฟนคลับภาพยนตร์สายหนัง Cult รวมถึงแฟนคลับรุ่นใหญ่อย่างMartin Scorsese (ผกก. Taxi Driver (1976), The Departed (2006), The Wolf of Wall Street (2013))รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นของผลงานเจ๋งๆของ Wes Anderson เป็นต้นมา และเรื่องหลายๆเรื่องต่อมา Wes Anderson กับ Owen Wilson ก็ยังคงเป็นคู่เพื่อนซี้ที่ร่วมเขียนบท Rushmore (1998) และ The Royal Tenenbaums (2001) ด้วยกัน รวมถึงใน 5 ปีต่อมาหลัง และ Owen ก็กลับมาแสดงนำให้กับ Wes อีกครั้งในเรื่อง The Royal Tenenbaums (2001), The Life Aquatic with Steve Zissou (2004) และ The Darjeeling Limited (2007) ต้องขอบคุณโชคชะตาของทั้งคู่ที่ทำให้เรามีหนังดีๆให้ดูกัน ลองไปหาผลงานของเขามาดูกันสักเรื่อง รับรองว่าคุณจะหลงรักความแปลกแหวกแนวของงานด้านภาพ และพล็อตเก๋ๆไม่เหมือนใครของเขาจริงๆ 
ที่มา:https://minimore.com/f/Before-Wes-Anderson-92

ความบ้าความสมมาตรของ Wes Anderson




ความบ้าความสมมาตรของ Wes Anderson


ที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=oL0DseCrqf
      ฉากสวยงามต่างๆ มากมายจากหนังของผู้กำกับ-เวส แอนเดอร์สันถูกนำมาร้อยเรียงต่อกัน เพื่อเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นถึงความหลงใหลการจัดองค์ประกอบภาพให้อยู่กึ่งกลางและสมดุลกัน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของผู้กำกับสุดเท่คนนี้ เวลาดูหนังของเขาอย่าลืมนั่งให้ตรงกลางจอพอดีเพื่อความกลมกลืน
ที่มา:http://www.poppaganda.net/2014/03/22/2014-03-21-wes-anderson-centered-video/












WES ANDERSON

เวส แอนเดอร์สัน

WES ANDERSON

ที่มารูปภาพ:https://www.tumblr.com/search/wes%20anderson%20illustration
( Wesley Mortimer Wales "Wes" Anderson) เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม ค.ศ. 1969 เป็นผู้กำกับ นักเขียนบท นักแสดง และโปรดิวเซอร์ ทั้งภาพยนตร์ยาว ภาพยนตร์สั้น และโฆษณา ชาวอเมริกัน เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมจากเรื่อง The Royal Tenenbaums เอกลักษณ์ที่โดดเด่นในภาพยนตร์ของเขาคือการถ่ายภาพที่อยู่กึ่งกลางของของเฟรม การใช้สีสันที่ฉูดฉาดในภาพยนตร์ การใช้นักแสดงหน้าเดิมๆมาใช้ซ้ำในหนังของเขาอย่าง บิลล์ เมอร์เรย์ , เจสัน ชวาร์ตส์แมน และ โอเว่น วิลสัน เป็นต้น และบทภาพยนตร์ภาพยนตร์ของเขามักจะมีความแฟนตาซีเพ้อฝันอยู่เสมอ

ผลงาน




ที่มาบทความ:https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%AA_%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99